วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การขอโทษ และ การให้อภัย

การขอโทษ และ การให้อภัย

วิธีการหนึ่งของการดูแลให้โลกสดใส....สวยงามด้วยตัวเรา
     เคยเจอแบบนี้มั้ยครับ.. มีคนเคยโกหกเรา มีคนเคยหลอกลวงเรา มีคนเคยทำร้ายเรา มีคนเคยทำให้เราเจ็บปวด มีคนดูถูกเรา...เยาะเย้ยเรา มีคนเคยทำให้เราโกรธและอีกสารพัดที่ทำให้คนสองคนเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อ กันฯลฯ
     วันนี้มีเรื่องมาแบ่งปันครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการขอโทษ และ การให้อภัย...การให้อภัยต่อคนที่ทำผิดต่อเรา...เป็นสิ่งที่ยากมากเหลือเกิน.. แต่การขอโทษและการให้อภัย...เป็นสิ่งที่จะประสานความสัมพันธ์ที่แตกร้าวไปแล้ว....ให้ดีขึ้นได้ (เป็นการช่วยทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีขึ้น อย่างน้อยสำหรับคนสองคน) มันจะช่วยทำให้เกิดสิ่งที่สวยงามขึ้นมา จากความรู้สึกที่เคยไม่ดีต่อกัน แต่บางทีเรามีความมั่นใจ ในตัวเองมากเกินไป จนทำให้เรา...ไม่ยอมรับว่าเราทำผิด ก็เลยไม่อยากขอโทษ หรือยอมรับในใจแล้ว...ว่าทำผิด แต่ต้องรักษาหน้าไว้....ก็เลยไม่อยากจะขอโทษ
     ในทางตรงกันข้าม เรามีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก...ใครก็ตามที่เคยทำให้เราเจ็บปวด เราบอกว่าจะไม่ให้อภัย (แค้นนี้ต้องชำระ) เราก็เลยไม่ยอมให้อภัยเค้า...แม้เราจะบอกว่า....เราก็ไม่ได้ไปทำอะไรเค้า แต่ในใจเรา...ก็ยังไม่สามารถให้อภัยเค้าได้อยู่ดี ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว ถ้าเราให้อภัยเค้าซะ   ใจเราก็เบาขึ้นกว่าเดิมตั้งเยอะ.....ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ....ทุกอย่างเริ่มที่ตัวเรา.....
     ลองมาดูหลักการพื้นฐานของการขอโทษและการให้อภัยกันดูนะครับ...ว่ามีอะไรบ้าง...เริ่มกันเลยนะครับ....
Q1: แต่เรื่องมันเล็กน้อยนิดเดียว  ชั้นจำเป็นต้องขอโทษด้วยเหรอ?

    * ใช่...ถ้าหากว่าคุณได้ทำให้คนอื่นรู้สึกเจ็บปวดทางกาย ทางจิตใจ ทางจิตวิญญาณ หรือทางวัตถุ


Q2: แต่มันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว ชั้นจำเป็นต้องให้อภัยด้วยเหรอ?

    * ใช่ เพราะการให้อภัยเป็นหนทางเดียวในการกลับคืนดีกันใหม่


Q3: แต่ถ้าหากว่าคนอื่นไม่ได้ขอโทษเรา หรือไม่ได้ขอให้เรายกโทษให้ล่ะ

    * เราก็ยกโทษได้เลย ไม่ควรให้การยกโทษของเราขึ้นอยู่กับว่า เค้าขอโทษเราหรือไม่


Q4: แต่ถ้าหากว่าพวกเค้าไม่ได้สำนึกผิดเลยล่ะ?

    * สิ่งที่เราควรทำก็คือ การเริ่มสร้างสะพานแห่งมิตรภาพทางฝ่ายเราก่อน  นี่คือสิ่งที่ฝ่ายเราทำได้


Q5: แต่ถ้าหากว่า ชั้นคิดว่าชั้นไม่ได้ทำอะไรผิดล่ะ คนนั้นเค้าคิดมากไปเองต่างหาก หรือไม่ก็เที่ยวมาโทษชั้นผิดๆ น่ะ?

    * ถ้า หากว่ามีการเจ็บปวด หรือ การหมางเมินกันเกิดขึ้น แสดงว่าจำเป็นที่จะต้องมีการกลับคืนดีกัน  ซึ่ง การยกโทษให้กันก็เป็นเพียงหนทางเดียว


Q6: แต่ถ้าชั้นเป็นคนขอโทษมันจะไม่กลายเป็นว่าชั้นยอมรับว่าชั้นเป็นคนผิดเหรอ?

    * ไม่ เลย  การกระทำของเราอาจจะไม่ผิด  แต่ปัญหาก็คือว่า มันเกิดความเจ็บปวดขึ้น  ถ้ามีความเจ็บปวด ก็จำเป็นต้องมีการยกโทษและการกลับคืนดีกัน



Q7: แต่ถ้าหากว่ากฎหมายก็เข้าข้างชั้น และชั้นก็ไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยล่ะ?

    * ตัว หนังสือของกฎหมายอาจจะเข้าข้างคุณ  แต่คุณอาจจะทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง แต่ฆ่าผู้อื่นได้ด้วยทัศนคติของคุณ กิริยา ท่าทาง หรือเวลา  ก่อนที่จะทาสีตัวเองว่าเป็นฝ่ายถูกต้องสมบูรณ์  คุณอาจจะลองสำรวจแรงจูงใจของคุณก่อน  ว่ามันขาวบริสุทธิ์จริงหรือไม่  ก่อนที่จะชี้ไปที่ผงในตาคนอื่น  ให้เอาท่อนซุงในตาของคุณออกก่อน


Q8: แต่ถ้าชั้นยกโทษให้ มันจะไม่เป็นการบอกว่า คนนั้นสามารถจะทำอย่างนั้นซ้ำๆ ได้อีกหรอกหรือ?

    * คุณสามารถรับผิดชอบได้แค่การกระทำของตัวคุณเท่านั้น คุณไม่สามารถบังคับควบคุมคนอื่นได้


Q9: แต่ถ้าหากว่า เค้าไม่สมควรจะได้รับการยกโทษล่ะ?

    * การยกโทษ หรือให้อภัย มักจะไม่ใช่สิ่งที่เราสมควรได้รับทั้งนั้น  แต่มันเป็นของขวัญมากกว่า


Q10: แต่ถ้าหากอีกฝ่ายไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับชั้นอีกต่อไป  หรือว่า ชั้นเองก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายนั้นอีกต่อไปล่ะ?

    * ให้ เริ่มสร้างสะพานในฝ่ายของคุณก่อน  อีกฝ่ายอาจจะไม่คิดที่จะสร้างสะพานฝ่ายของเค้าเลยก็ได้  หรือถึงแม้อีกฝ่ายจะสร้างสะพานฝ่ายเค้า  ก็ ไม่ได้หมายความว่าจะมีการเดินข้ามสะพานถึงกันอีกเลยก็ได้ แต่ความสำคัญของการสร้างสะพานก็คือ เตรียมพร้อมไว้หากว่าเมื่อไหร่มีใครอยากจะใช้สะพานขึ้นมา จะได้สามารถทำได้


Q11: แต่ถ้าหากชั้นยกโทษให้ แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดและโกรธแค้นอยู่ล่ะ?

    * ความ รู้สึกโกรธและเจ็บปวดอาจจะไม่สามารถลบล้างได้ทั้งหมด แต่การให้อภัยจะช่วยลบเลือนการกล่าวโทษ  ความเกลียดชัง  ความ แค้น ความประสงค์ร้าย และความขมขื่นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันเป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพและความเป็นคนที่สมบูรณ์ได้ และทำให้เราอยากจะทำร้ายผู้อื่น ด้วยเวลาที่ตามมากับการให้อภัย ความเจ็บปวดและความโกรธแค้นก็จะค่อยๆ น้อยลงไป


Q12: แต่ชั้นจะรู้ได้อย่างไรว่า ชั้นได้ยกโทษให้คนที่ทำผิดต่อฉันแล้วจริงๆ?

    * คุณจะพบว่าตัวคุณเองสามารถอธิษฐาน...ขอพรที่ดีที่สุด...เหมือนที่คุณขอให้ตัวเองให้เกิดกับชีวิตของเค้าได้


Q13: แต่ถ้าชั้นไม่รู้สึกอยากจะให้อภัยล่ะ?

    * ความ รู้สึกไม่จำเป็นต้องมาก่อนการกระทำเสมอไป  อย่างไรก็ตาม มีโอกาสสูงที่ความรู้สึกจะเกิดตามมาจากการที่เราได้ให้อภัย  อย่าเอาความรู้สึกเป็นตัววัดว่าการกระทำนั้นเป็นการกระทำที่ถูกต้อง  การยกโทษ เป็นการกระทำที่มาจากการเลือกและความตั้งใจ  ไม่ใช่มาจากความรู้สึก


วันนี้มีใครบ้าง....ที่เราอยากจะขอโทษ และมีใครที่เราต้องให้อภัยหรือเปล่าครับ.....
ขอให้ใจมีสันติสุขกันทุกคนนะครับ.
..............รัก...............









บางส่วนจาก Creating Love โดย Kay Kuzma (1997) สำนักพิมพ์ Pacific Press Publishing Association , USA.

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

น้ำมันจากแสงแดด

ไทยเราตระหนักถึงการนำพลังงานทดแทนมาใช้เป็นอย่างมาก เห็นได้จากโครงการ “ลพบุรี โซลาร์” โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก


พลังงานทดแทน (Alternative/Renewable Energy) ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน เพื่อเป็นทางเลือกของการใช้พลังงานและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในยุโรปการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง เพราะได้ใช้ไฟฟ้าจากแหล่งผลิตที่เป็นธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เป็นที่น่าดีใจว่า ปัจจุบันนี้ประเทศไทยเราตระหนักถึงการนำพลังงานทดแทนมาใช้เป็นอย่างมาก เห็นได้จากโครงการ “ลพบุรี โซลาร์” โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดกำลังผลิต 73 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี งบลงทุน 8,000 ล้านบาท และใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบฟิล์มบาง (Thin film Solar Panel) จำนวนกว่า 540,000 แผง

โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะเริ่มก่อสร้างในเดือนสิงหาคมนี้ และสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2554 โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าสำหรับโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก จึงจะช่วยประเทศลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สู่ชั้นบรรยากาศได้มากกว่า 1.3 ล้านตันตลอดอายุการดำเนินโครงการ 25 ปี และช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงได้มากถึงปีละ 35,000 ตัน นับเป็นก้าวสำคัญและเป็นอภิมหาโปรเจคของประเทศไทยในการนำพลังงานทางเลือกมา ใช้ในประเทศ

นอกจากพลังงานแสงอาทิตย์จะนำมาใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้า อีกกระแสหนึ่งที่นับว่าแรงมากคือ การผลิตน้ำมันจาก แสงอาทิตย์ ในปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตพลังงานจากผลผลิตทางการเกษตรหรือซากสิ่งของที่ เหลือใช้ เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรือแม้กระทั่งซากเปลือกหรือหญ้า มาย่อย หมักและผลิตเป็นเอทานอล หรือที่เรียกว่า พลังงานชีวมวล (Biomass) เป็นที่รู้จักกันดี

แต่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดคือ การเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และแสงอาทิตย์เป็นน้ำมันโดย ตรง ไม่ต้องผ่านตัวกลางซึ่งก็คือพืชนั่นเอง โดยอาศัยจุลชีพที่สังเคราะห์แสงได้ (photosynthetic microorganisms) ซึ่งได้จากการตัดแต่งหรือสังเคราะห์ยีนขึ้นมาให้มันมีความสามารถดังกล่าว เรียกว่า Synthetic Biology

ปัจจุบันมีนักวิจัยหลายกลุ่ม กำลังพยายามค้นหาและสังเคราะห์สิ่งมีชีวิตดังกล่าว รวมทั้ง Craig Venter ได้ก่อตั้งบริษัท Synthetic Genomics เพื่อสังเคราะห์สิ่งมีชีวิตนี้

ขณะที่บริษัท Joule Biotechnologies ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาของระบบพลังงานชีวมวล ที่เปลืองน้ำในการเพาะปลูกและกินพื้นที่อีกด้วย โดยสร้างระบบผลิตน้ำมันด้วย การใช้รีแอกเตอร์ที่ไม่ต้องใช้น้ำบริสุทธิ์ และใช้พื้นที่น้อยกว่าการปลูกพืชเพื่อผลิตพลังงานชีวมวล แต่ประสิทธิภาพการผลิตสูงกว่าเป็น 100 เท่าต่อหน่วยตารางเมตร และเป็น 10 เท่าเมื่อเทียบกับซากผลผลิตการเกษตร เป้าหมายก็คือ ต้องทำให้ราคาต้นทุนการผลิตน้ำมันจากแสงอาทิตย์นี้ ให้มีราคาต่ำกว่า 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเรายังใช้พลังงานกันแบบปัจจุบัน คาดการณ์ว่าถึงปี ค.ศ.2050 พลังงานทดแทนจากชีวมวลและเอทานอล ก็ยังคงเป็นเพียงร้อยละ 26 ของพลังงานที่ใช้สำหรับการคมนาคมขนส่งอย่างเดียว

การพยายามเพื่อหาพลังงานมาทดแทนน้ำมันนั้น มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพียงแต่เมื่อไรมนุษย์จะตระหนักได้ว่า ถ้าลดการใช้อย่างสิ้นเปลือง เราคงมีพลังงานใช้กันได้นานขึ้น และลดมลภาวะ แต่ยิ่งถ้าผลิตมากใช้มาก มันจะไม่ต่างอะไรกับการเผาโลกที่เราอยู่นี้เลย

* ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการนาโนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลจุลภาค ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

Drawing in Ms.Excel

ใครจะเชื่อว่า Ms.Excel เขียนภาพได้ขั้นเทพอย่างนี้
แต่ไม่เชื่อ....ก็ต้องเชื่อ เพราะมีตัวอย่างดีๆ ขั้นเทพมาให้ดู
ดูแล้วก็อย่าลืมฝึก เพื่อพัฒนาฝีมือตัวเองด้วยนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หน่วยรับข้อมูล

INPUT Unit เป็นส่วนที่ทำหน้าที่รับข้อมูลจากผู้ใช้เข้าสู่คอมพิวเตอร์
(คลิกที่มุมบนขวาของสไลด์เพื่อปรับเต็มจอ)

จุดประสงค์การเรียนรู้
1) บอกชนิดของอุปกรณ์หน่วยรับข้อมูลได้
2) อธิบายการทำงานของอุปกรณ์หน่วยรับข้อมูลได้
3) อธิบายวิธีการเลือกซื้อและการดูแลรักษาอุปกรณ์หน่วยรับข้อมูลได้

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การทำงานขั้นพื้นฐานของคอมพิวเตอร์

การทำงานขั้นพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
(คลิกที่มุมบนขวาของสไลด์เพื่อปรับเต็มจอ)

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Game ค้นหาอุปกรณ์กีฬา

การเขียนโปรแกรม Game ค้นหาอุปกรณ์กีฬา เป็นตัวอย่างของการบูรณาการ นำเอาหลายๆวิชามาประกอบกัน เช่น

- วิชาคอมพิวเตอร์ เรียนรู้เรื่องการวางแผน ลำดับขั้นตอนการทำงานในการโปรแกม การสืบค้นข้อมูลเพื่อเป็นวัตถุดิบ องค์ประกอบในการจัดวาง
- วิชาภาษาต่างประเทศ เป็นการนำคำศัพท์มาใช้
- วิชาศิลปะ การระบายสี องค์ประกอบศิลป์
ที่สำคัญการเรียนการเขียนโปรแกรมเกมค้นหาอุปกรณ์กีฬานี้ เน้นกระบวนการคิด ทั้งในส่วนของผู้ออกแบบ และผู้เล่นเกม นอกจากนี้ยังสามารถการนำไปใช้เป็นสื่อในการเรียน ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมอีกด้วย
ดาว์นโหลดข้อมูลการเขียนโปรแกรมที่นี่ คลิก

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ความละเอียด ในการแสดงผล

Dpi หรือ Dot per inch (จุด ต่อ นิ้ว) คือ หน่วยของ “ความละเอียด ในการแสดงผล” ของ สื่อต่างๆ
ประกาศ คณะ ปฎิวัติความละเอียด โปรด อ่าน อีกครั้งหนึ่ง

“ความละเอียด ในการแสดงผล”? ไม่ ใช่ ความละเอียดของไฟล์ภาพ จริงๆ ที่มี

.
ผมได้ บอกไปในบทความที่แล้ว แล้วว่า
“ให้ดูที่ image size (ขนาด กว้าง x ยาว ของ Pixel) เป็นหลัก”
กับ
“ภาพ ขนาด 200 x 300 pixels ย่อมมีความละเอียดน้อยกว่า ภาพ 2,000 x 3,000 pixels”
(จำได้บ่)
นี่คือความละเอียดจริงๆ ที่ไฟล์ภาพมี
.
แต่การแสดงผล เป็น การแปลงไฟล์ภาพให้ ปรากฎต่อสายตาของเรา ผ่าน สื่อ
เช่น จอ , กระดาษ , โปรเจคเตอร์

.
โดย หน่วย จุดต่อนิ้ว หมายถึง จำนวนจุด ที่เรียงต่อกัน ในระยะ 1 นิ้ว ทางตั้ง หรือ ทางนอน
เช่น ในระยะ 1 นิ้ว มีจุดเรียงกันอยู่ 3 จุด เราก็เรียกว่า 3dpi
ในระยะ 1 นิ้ว มีจุดเรียงกันอยู่ 10 จุด เราก็เรียกว่า 10dpi
.

.
ตรงนี้ หลายคนเข้าใจผิดว่า เป็น “10 จุด ต่อ พื้นที่ 1 ตารางนิ้ว” ให้ระวัง
.
และจะเห็นว่า เนื่องจากจุด pixel ในภาพ เป็น สี่เหลี่ยมจตุรัส
การบอก ความละเอียดค่าเดียว สามารถอ้างอิงได้จากทั้ง แนวตั้งแนวนอนเหมือนกัน
ยกเว้น บางกรณี ที่ การแสดงผลบางแบบ ให้จุด ตามตั้งตามนอน ไม่เท่ากันได้
เช่น จอTV หรือ งานพิมพ์ ink jet จะบอก ค่า dpi เป็น แนวตั้ง และ แนวนอน

.
สมมุติ เรามีไฟล์ภาพขนาด?? 5 x 10 pixels เราต้องการนำไปแสดงผล บนสื่อ2ชนิด
สื่อ A แสดงผลได้ 10 dpi
สื่อ B แสดงผลได้? 5 dpi
.
ผลคือ เมื่อแสดงผล บนสื่อ A เราได้ภาพขนาด 0.5 นิ้ว x 1 นิ้ว
เมื่อ แสดงผลบนสื่อ B เราจะได้ภาพขนาด 1 นิ้ว x 2 นิ้ว

แต่ ไฟล์ภาพยังเป็นไฟล์เดิม คือ 5×10 pixels ไม่ได้ละเอียดขึ้น ขนาดไฟล์ไม่ได้ใหญ่ขึ้น !!

เพราะฉะนั้น ยิ่งเพิ่มความละเอียดในการแสดงผลมากขึ้น ( ค่า dpi มากขึ้น )
ภาพที่แสดงออกมา จะ มีขนาด แสดงผล (กว้าง x ยาว เป็น นิ้ว ) เล็กลง

.

ใครอ่านถึงตรงนี้แล้วไม่เข้าใจ ให้หยุดก่อน อย่าฝืน !!
กลับมาอ่านใหม่ตอนสมองโล่งๆ

———————————————
Dpi จึงเป็น แค่ค่าที่ไว้อ้างอิง “เมื่อเรา พิมพ์ภาพ หรือ แสดงผลบนจอ ว่าขนาดของภาพจะเป็น กี่นิ้ว”? เมื่อเราคำนวณ จาก? image size (ขนาด กว้าง x ยาว ของ Pixel)
เช่น
.
เรามีภาพขนาด 600 x 1200 pixels เมื่อพิมพ์ ด้วยความละเอียด 150 dpi จะได้ภาพ ขนาดเท่าไหร่
.
วิธีการ ก็เป็น แบบคณิตศาสตร์ สมัยประถม
150 จุด???? ได้??? 1 นิ้ว
600 จุด???? ได้?? 1x 600 / 150? = 4 นิ้ว
1200 จุด?? ได้?? 1x 1200 / 150 = 8 นิ้ว

ขนาดภาพที่ได้ คือ 4 x 8 นิ้ว

.
หรือ ใช้คิดในทางกลับกัน คือ? เราต้องการภาพ 16 x 20 นิ้ว ที่ 300 dpi ต้องทำภาพ ขนาด กี่ pixel
1 นิ้ว มีจุด? 300 จุด
16 นิ้ว มีจุด? 16 x 300 = 4800 จุด
20 นิ้ว มีจุด? 20 x 300 = 6000 จุด
ต้องใช้ภาพขนาด 4800 x 6000 pixel
เป็นต้น
.
ซึ่งการคิดข้างต้นใช้เมื่อเราทำภาพไปพิมพ์ ลงกระดาษ เนื่องจากเราสามารถเลือกระดับความละเอียดได้
.
วิธีการคิดความละเอียด บนจอภาพ มีลักษณะ แตกต่างกันออกไป
ในการแสดงผล บนจอ 15 นิ้ว ส่วนมากจะให้ความละเอียด 600 x 800 pixels
หรือ 72 dpi โดยประมาณ
ในการแสดงผล บนจอ 17 นิ้ว จะให้ความละเอียด 1024 x 768 pixels
หรือ 92 dpi โดยประมาณ
หรือ กรณี จอที่ฉาย บน Projector ก็เปลี่ยนไปตามระยะ ห่างจากโปรเจคเตอร์ ถึง จอรับภาพ
.
ซึ่งจะเห็นว่า เราไม่สามารถควบคุม ได้ว่าจะให้ผู้ใช้งานใช้จอ ที่ความละเอียดเท่าไหร่ ขนาดจอใหญ่แค่ไหน
เมื่อแสดงผลภาพบนจอคอมพิวเตอร์ ค่า Dpi จึงไม่สามารถควบคุมได้ เพราะ เปลี่ยนแปลงไปตาม จอ ของผู้ใช้แต่ละคน

ให้ลืมค่า Dpi ไปได้เลย

.
เราจะ คำนึงถึงสัดส่วนของ จอภาพ เป็นหลัก ว่าปัจจุบัน จอที่ผู้ใช้ทั่วๆไปใช้งาน (รวมถึงโปรเจคเตอร์) ส่วนใหญ่อยู่ที่ความละเอียด 1024 x 768 pixels เพราะฉะนั้น หากเรา ต้องการแสดงภาพ (อีกหน่อย คนใช้จอ 24″ มากขึ้น มาตรฐานก็เปลี่ยนไป)
ขนาดภาพ ควรจะน้อยกว่า 1024 x 768 pixels การใส่ภาพ ที่ใหญ่กว่านี้ เข้าไป แล้ว จับย่อในโปรแกรมเช่น power point ไม่ได้ ช่วยให้ภาพมีความละเอียดมากขึ้น เพราะจอ แสดงผลภาพนั้นๆ ออกมาที่ 1024 x 768 pixels อยู่ดี
.
หรือ กรณี ที่เราอัพโหลดภาพขึ้นไปบน web หรือส่ง email ภาพทั่วๆไป
ถ้าเราส่งภาพที่ไม่ได้ย่อ Browser ( IE, Firefox, Safari) ส่วนมาก ก็จะแสดงผลของภาพนั้นๆ
ที่ขนาด 100%? ผลคือ ภาพที่ จำนวน pixel มากกว่า จำนวน pixel ของจอ จะแสดงผลออกไปล้นจอ หรือ ถ้าโปรแกรม Browser นั้นๆ ย่อรูปให้อัตโนมัติ ภาพก็กลับมาแสดงผลที่ ความละเอียดจริงของจอ (คือ น้อยกว่า 1024 x 768? pixels)
.
การทำงาน กับการแสดงผลบนจอภาพ จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟล์ขนาดใหญ่
เนื่องจาก เราจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการใส่ไฟล์ที่ใหญ่เกินไปขึ้นบนจอ


.
มาตรฐาน อีกตัว ที่เราจำเป็นต้องรู้ และเป็นจุดที่ทำให้ คนทั่วไปยิ่งพยายามบ้าความละเอียดมากขึ้นไปกันใหญ่ คือ
ในการพิมพ์งาน พิมพ์ ออฟเซต หรือ ที่เรียกว่า พิมพ์สี่สี คุณภาพสูง ตามโรงพิมพ์ทั่วๆไป ใช้ความละเอียด? 300 Dpi
.
ตรงนี้ทำให้เกิด อาการบ้าความละเอียดได้อย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป


ที่มา : http://www.halfbottle.net/wp/photography/resolution-02

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

เรื่องง่ายๆกับ Flash

แล้วเรื่องของการนำไฟล์ FLASH ออกนำเสนอบนเว็บก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป